ประกาศใช้กฎหมายควบคุมกิจกรรมและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
วันนี้มีการประกาศใช้พระราชกำหนดการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มติครม. เห็นชอบร่างพระราชกำหนดดังกล่าว ซึ่งพระราชกำหนดนี้จะใช้เพื่อกำกับ, ควบคุมการดำเนินกิจกรรม และการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ครอบคลุมถึง ICO และ Crytocurrency
เนื่องจากในปัจจุบันได้มีการซื้อ-ขาย หรือแลกเปลี่ยนในกลุ่มคริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล รวมถึงมีคนบางกลุ่มได้นำสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ มาเป็นเครื่องมือในการระดมทุนผ่านการเสนอขายเงินดิจิทัลกับประชาชน โดยการซื้อขาย และแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลยังไม่มีกฎหมายกำกับ หรือควบคุมในประเทศไทย ซึ่งอาจทำให้มีการประกอบธุรกิจหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างได้ ดังนั้นเพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบธุรกิจหรือประชาชนก็ตาม ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน และป้องกันไม่ให้มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจน ไปใช้ประโยชน์หรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการหลอกลวงหรือประกอบอาชญากรรมจึงมีการตราพระราชกำหนดนี้ขึ้น
โดยผู้ที่มีอำนาจในการกำกับและควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลคือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ซึ่งมีหน้าที่ในการออกระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการกำหนดค่าธรรมเนียมและการขออนุญาตต่าง ๆ อีกด้วย
สำหรับผู้ที่ต้องการเสนอขายโทเคนดิจิทัลกับประชาชนจะต้องได้รับการอนุญาตจาก ก.ล.ต. ก่อน ซึ่งผู้ที่จะกระทำการเสนอขายได้ ต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดเท่านั้น โดยจะต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัล และร่างหนังสือชี้ชวนด้วย เช่นเดียวกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องขออนุญาตและได้รับอนุญาตก่อน ซึ่งต้องมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจและความเสี่ยงต่าง ๆ รวมถึงความปลอดภัยของทรัพย์สินลูกค้า และการรักษาความปลอดภัยจากการโจรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
ดังนั้นหลังจากนี้ผู้ที่จะทำการซื้อขาย และแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล จะต้องทำตามหลักเกณฑ์และข้อบังคับที่กฎหมายได้กำหนดไว้ เพื่อประโยชน์และการรักษาความมั่นคงของประเทศ
Source : ราชกิจจานุเบกษา